7 หลักคิดสำคัญก่อนลงทุนซื้อบ้านหรือคอนโด : เพิ่มโอกาสทำกำไร ลดความเสี่ยงให้คุ้มที่สุด 

แม้เศรษฐกิจไทยในช่วงนี้จะผันผวน แต่หนึ่งในสินทรัพย์ที่ยังคง “ปลอดภัย” และ “น่าลงทุน” เสมอ ก็คือ “อสังหาริมทรัพย์” โดยเฉพาะบ้านและคอนโด ซึ่งยังคงได้รับความนิยมทั้งในหมู่นักลงทุนหน้าเก่าและผู้ที่กำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ 

อย่างไรก็ตาม บ้านและคอนโดไม่ใช่ของชิ้นเล็กที่ซื้อแล้วหวังผลกำไรได้ทันที การลงทุนประเภทนี้จำเป็นต้องใช้ทั้งเงินทุน ความรู้ และเวลาในการบริหารจัดการ เพื่อให้คืนทุนไวและได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า 

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุน ลองมาพิจารณา 7 หลักคิดสำคัญ ที่จะช่วยให้คุณประเมินได้ว่าบ้านหรือคอนโดหลังไหนเหมาะสำหรับการลงทุนของคุณมากที่สุด 

1. ค่าเช่าควรสัมพันธ์กับค่างวดผ่อนบ้าน 

การลงทุนปล่อยเช่า หากต้องผ่อนชำระค่างวดสูงกว่ารายได้ค่าเช่าในพื้นที่นั้น โอกาสขาดทุนจะมีสูง การตั้งค่าเช่าที่เหมาะสมและเป็นไปได้จึงเป็นหัวใจสำคัญ 

แนะนำ : เปรียบเทียบอัตราค่าเช่าในพื้นที่เดียวกัน และดูว่าผลตอบแทนที่ได้เพียงพอสำหรับจ่ายค่างวดและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หรือไม่ 

2. ทำเลทอง ย่อมมีคนต้องการเสมอ 

“Location is everything.” ทำเลที่ดีช่วยเพิ่มโอกาสปล่อยเช่า-ขายต่อ และยังเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ราคาทรัพย์เพิ่มขึ้นในอนาคต 

เกณฑ์เบื้องต้น : ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้แหล่งงาน มหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า หรือแหล่งชุมชน 

3. กู้สินเชื่อได้มาก = ใช้เงินตัวเองน้อย = ผลตอบแทนสูง 

หากทรัพย์ที่เราลงทุนสามารถกู้สินเชื่อได้ในวงเงินสูง เท่ากับว่าเราใช้เงินสดน้อยลง และสามารถบริหารกระแสเงินสดได้ดีขึ้น 

ข้อดีเพิ่มเติม : ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านส่วนใหญ่มักเป็นแบบลดต้นลดดอก และระยะเวลาผ่อนชำระยาว 

4. มูลค่าทรัพย์ควรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต 

อย่าซื้อเพราะ “ถูก” เพียงอย่างเดียว แต่ควรประเมินด้วยว่าทรัพย์นั้นมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวหรือไม่ ทั้งในด้านราคาตลาดและความต้องการ 

ปัจจัยที่ส่งผล : สภาพแวดล้อม เพื่อนบ้าน นิติบุคคล บริการสาธารณูปโภค และศักยภาพของพื้นที่ในอนาคต 

5. ถ้าซื้อต่ำกว่าราคาตลาดได้อย่างน้อย 20% ถือว่าได้เปรียบ 

โดยเฉพาะผู้ที่มองหาทรัพย์มือสอง หากซื้อได้ต่ำกว่าราคาตลาด 20% รวมค่าโอนและค่าซ่อม ก็สามารถขายต่อทำกำไรได้ทันที หรือถือไว้ปล่อยเช่าก็จะได้ผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ย 

6. คืนทุนไวคือหัวใจของการลงทุน 

ก่อนตัดสินใจซื้อ ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า “จะปล่อยเช่าได้เร็วไหม?” หรือ “สามารถขายต่อได้ในระยะสั้นหรือเปล่า?” เพราะยิ่งคืนทุนไว ความเสี่ยงยิ่งลดลง 

เครื่องมือช่วยประเมิน : 

  • คำนวณ “ระยะเวลาคืนทุน” (Payback Period) 
  • ประเมินโอกาสหาผู้เช่าในพื้นที่ 
  • วิเคราะห์ราคาขายต่อเทียบกับต้นทุนทั้งหมด 

7. อย่ามองข้าม “สิทธิประโยชน์ทางภาษี” 

การลงทุนบ้านหรือคอนโดที่สามารถใช้ดอกเบี้ยสินเชื่อมาหักลดหย่อนภาษีได้ จะช่วยลดต้นทุนรวม และทำให้ผลตอบแทนสุทธิของคุณสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ 

ตัวอย่าง : หากคุณซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยเองแล้วนำไปปล่อยเช่าภายหลัง บางช่วงเวลาอาจสามารถใช้สิทธิทางภาษีได้ 

สรุป 

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ซื้อมาแล้วปล่อยเช่า” หรือ “ซื้อมาขายต่อ” เท่านั้น แต่คือการวางแผนอย่างรอบคอบ ใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง และรู้จักประเมินความเสี่ยงในทุกแง่มุม 

ก่อนตัดสินใจลงทุน ลองทบทวนหลักทั้ง 7 ข้อนี้ แล้วคุณจะสามารถแยกแยะได้ว่า บ้านหรือคอนโดหลังไหน “คุ้มค่า” และ “เหมาะสม” กับเป้าหมายการลงทุนของคุณจริง ๆ หรือไม่ ที่สำคัญอย่าลืมตรวจความพร้อมให้เรียบร้อยก่อนซื้อ เพราะถ้าซื้อมาพร้อมปัญหา ต้องคอยมาซ่อม จากกำไรระยะยาว จะกลายเป็นขาดทุนระยะยาวแทนนะครับ 

ติดตามพวกเราได้อีกช่องทางที่ เพจเฟซบุ๊ค : WENAT รับตรวจบ้าน ตรวจคอนโด รับตรวจสอบอาคาร

อยากรู้จักเรา : เกี่ยวกับเรา

โปรโมชั่นดีๆจาก Wenat

โปรโมชั่นลด 1,000.- บาท Wenat
โปรโมชั่นลด 800.- บาท Wenat
โปรโมชั่นลดตรวจฟรีรอบสอง Wenat

บทความที่เกี่ยวข้อง