อสังหาริมทรัพย์ คือ สินทรัพย์ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น บ้าน ที่ดิน อาคารชุด ซึ่งถือเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝันอยากครอบครอง เพราะแสดงถึงความมั่นคง เป็นสถานที่อยู่อาศัย เป็นทรัพย์สินส่งต่อถึงลูกหลาน และยังใช้ในการลงทุนหรือสร้างรายได้ในระยะยาวได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้น ย่อมมีหน้าที่ทางภาษีตามกฎหมาย โดยในอดีตเคยมีการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน แต่ได้มีการยกเลิกไป และเปลี่ยนมาใช้กฎหมาย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้จริงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นมา โดยปัจจุบัน (ปี 2568) ได้มีการใช้โครงสร้างอัตราภาษีเดียวกัน แต่บางพื้นที่อาจมีการลดหย่อนหรือใช้อัตราภาษีเฉพาะตามประกาศของแต่ละเทศบาลหรือ อบต. ผู้ถือครองอสังหาริมทรัพย์จึงควรตรวจสอบกับหน่วยงานท้องถิ่นของตนเองเพิ่มเติมด้วย
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคืออะไร?
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นภาษีที่จัดเก็บรายปีจากผู้ครอบครองหรือเจ้าของที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง โดยแบ่งอัตราการจัดเก็บออกตาม “ประเภทการใช้ประโยชน์” ของที่ดินหรืออาคาร ได้แก่:
- ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
- ที่ดินเพื่ออยู่อาศัย
- ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรมหรือการอื่น
- ที่ดินรกร้างว่างเปล่า
1. ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม
คือที่ดินที่ใช้ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ หรือกิจกรรมเกษตรกรรมอื่นตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
อัตราภาษี (ปัจจุบัน ปี 2568) :
- มูลค่าไม่เกิน 75 ล้านบาท: 0.01%
- 75 – 100 ล้านบาท: 0.03%
- 100 – 500 ล้านบาท: 0.05%
- 500 – 1,000 ล้านบาท: 0.07%
- มากกว่า 1,000 ล้านบาท: 0.1%
เพดานสูงสุดไม่เกิน : 0.15%
สิทธิยกเว้น : บุคคลธรรมดาที่ใช้ทำเกษตรกรรม ยกเว้นภาษีไม่เกิน 50 ล้านบาท (เฉพาะแปลงแรก)
2. ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย
แบ่งกรณีออกเป็นหลายรูปแบบ โดยมีอัตราภาษีแตกต่างกันตามการครอบครอง
กรณีที่ 1 : เจ้าของบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างเดียว
- มูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท : ยกเว้นภาษี
- 10 – 50 ล้านบาท: 0.02%
- 50 – 75 ล้านบาท: 0.03%
- 75 – 100 ล้านบาท: 0.05%
- มากกว่า 100 ล้านบาท: 0.1%
กรณีที่ 2: เจ้าของทั้งบ้านและที่ดิน (บ้านหลังหลัก)
- มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท : ยกเว้นภาษี
- 50 – 75 ล้านบาท : 0.03%
- 75 – 100 ล้านบาท : 0.05%
- มากกว่า 100 ล้านบาท : 0.1%
กรณีที่ 3: บ้านหลังอื่น (ไม่ได้อยู่จริง)
- มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท : 0.02%
- 50 – 75 ล้านบาท : 0.03%
- 75 – 100 ล้านบาท : 0.05%
- มากกว่า 100 ล้านบาท : 0.1%
กรณีที่ 4 : คอนโดมิเนียม
- ถ้าใช้เพื่ออยู่อาศัย : คิดเหมือนบ้านหลังหลัก
- ถ้าใช้เชิงพาณิชย์ (เช่า ฯลฯ) : คิดตามอัตราเพื่อพาณิชยกรรม
เพดานสูงสุดของภาษีเพื่ออยู่อาศัย : ไม่เกิน 0.3%
3. ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม
ครอบคลุมที่ดินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น ร้านค้า อพาร์ตเมนต์ ปล่อยเช่าบ้าน/คอนโดฯ หรือสำนักงาน
อัตราภาษี :
- 10 – 50 ล้านบาท : 0.3%
- 50 – 200 ล้านบาท : 0.4%
- 200 – 1,000 ล้านบาท : 0.5%
- 1,000 – 5,000 ล้านบาท : 0.6%
- มากกว่า 5,000 ล้านบาท : 0.7%
เพดานสูงสุดไม่เกิน : 0.7%
4. ที่ดินรกร้างว่างเปล่า
เป็นที่ดินที่ไม่มีการใช้ประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์ต่ำกว่าศักยภาพ
อัตราภาษีเริ่มต้น :
- เช่นเดียวกับอัตราเพื่อพาณิชยกรรม
กรณีปล่อยร้างต่อเนื่อง :
- อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้น 0.3% ทุก 3 ปี
เพดานสูงสุด : ไม่เกิน 3%
แล้วเราต้องชำระภาษีที่ไหน เมื่อไร?
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะต้องชำระทุกปีภายใน เดือนเมษายน (หลังจากปี 2566 เป็นต้นไปกำหนดเป็นเมษายนทุกปีแทนสิงหาคม)
โดยผู้เสียภาษีจะได้รับ ใบประเมินภาษี จากสำนักงานเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่ที่ดินตั้งอยู่ หากไม่ได้รับ ควรรีบติดต่อเพื่อตรวจสอบสถานะ
สรุป
แม้อัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอาจดูซับซ้อนในช่วงแรก แต่หากทำความเข้าใจตามประเภทการใช้งาน ก็จะสามารถคำนวณและวางแผนการถือครองอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเจ้าของบ้าน นักลงทุน และผู้มีที่ดินจำนวนมาก จะสามารถใช้ข้อมูลนี้วางแผนภาษี หรือตัดสินใจเลือกการใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ให้เหมาะสม
แนะนำ : ควรตรวจสอบประกาศของท้องถิ่นของตนเองทุกปี เพราะบางพื้นที่อาจมีการลดหย่อนภาษี หรือมีการเรียกเก็บในอัตราที่แตกต่างไปจากประกาศกลาง
หากคุณต้องการคำแนะนำเรื่องการตรวจสอบบ้าน หรือวางแผนการใช้ประโยชน์อสังหาริมทรัพย์เพื่อประหยัดภาษี เรายินดีให้คำปรึกษาโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ครับ
ติดตามพวกเราได้อีกช่องทางที่ เพจเฟซบุ๊ค : WENAT รับตรวจบ้าน ตรวจคอนโด รับตรวจสอบอาคาร
อยากรู้จักเรา : เกี่ยวกับเรา