การออกแบบห้องน้ำที่ดี : ป้องกันพื้นที่เปียกแฉะ เพิ่มสุขอนามัย และลดอุบัติเหตุ 

การออกแบบห้องน้ำที่ดี : ป้องกันพื้นที่เปียกแฉะ เพิ่มสุขอนามัย และลดอุบัติเหตุ

หลายคนคงเคยประสบกับประสบการณ์ที่ไม่น่าพึงประสงค์จากการ เดินเข้าไปล้างมือในห้องน้ำ แต่กลับต้องเผชิญกับพื้นเปียกแฉะทั่วบริเวณ จนฝ่าเท้าชุ่มน้ำโดยไม่ตั้งใจ ปัญหาเล็กๆ นี้อาจดูไม่รุนแรงนัก แต่หากปล่อยไว้นานโดยไม่มีการออกแบบพื้นที่ห้องน้ำอย่างเหมาะสม ก็สามารถ ส่งผลต่อสุขอนามัย ความสะอาด และความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ได้อย่างคาดไม่ถึง 

ห้องน้ำ : พื้นที่เล็กที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต 

ห้องน้ำ เป็นพื้นที่สำคัญในบ้านที่มีการใช้งานเป็นประจำเกือบตลอดทั้งวัน แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่เป็นจุดที่มีการสัมผัสกับน้ำ สิ่งสกปรก และเชื้อโรคอยู่บ่อยครั้ง หากไม่มีการออกแบบหรือจัดการอย่างถูกต้อง ห้องน้ำอาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา กลิ่นอับ ไปจนถึง พื้นที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุจากการลื่นล้ม 

“โซนแห้ง” และ “โซนเปียก” คือ กุญแจสำคัญ 

หนึ่งในแนวทางที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในการออกแบบห้องน้ำเพื่อเพิ่มสุขลักษณะที่ดี คือ การแบ่งพื้นที่ใช้งานในห้องน้ำให้ชัดเจน โดยเฉพาะการจัดสรรระหว่างโซนแห้ง และโซนเปียก ดังนี้ 

โซนแห้ง (Dry Zone) 

ประกอบด้วย 

  • อ่างล้างหน้า 
  • โถสุขภัณฑ์ 
    โซนนี้ควรแห้งอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นลื่นหรือเปียกน้ำ 

โซนเปียก (Wet Zone) 

ประกอบด้วย 

  • พื้นที่อาบน้ำ 
  • ฝักบัว หรือ Rain Shower 
    พื้นที่ส่วนนี้เป็นจุดที่น้ำกระเด็นกระจายอยู่ตลอดเวลา การออกแบบอย่างถูกต้องจึงจำเป็นต้องมีการควบคุมน้ำให้อยู่เฉพาะในพื้นที่ ไม่กระเซ็นหรือไหลล้นเข้าสู่โซนแห้ง 

ปัญหาที่พบบ่อยจากการไม่แบ่งโซนให้ชัดเจน 

  1. พื้นเปียกตลอดทั้งห้อง 
    ทำให้รู้สึกไม่สะดวกในการใช้งานและเกิดความไม่สบายตัว 
  1. เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการลื่นล้ม 
    โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือเด็กเล็ก 
  1. สะสมเชื้อโรค เชื้อรา และกลิ่นอับ 
    ความชื้นที่ตกค้างบนพื้นหรือผนังห้องน้ำสามารถกลายเป็นแหล่งเจริญเติบโตของเชื้อราหรือลูกน้ำได้ 
  1. ส่งผลต่ออายุการใช้งานของวัสดุ 
    น้ำที่ซึมหรือค้างอยู่นานๆ อาจทำให้กระเบื้อง, ยาแนว หรือสุขภัณฑ์เกิดความเสียหายเร็วกว่าที่ควร 

แนวทางการออกแบบห้องน้ำที่เหมาะสม 

1. จัดโซนใช้งานอย่างชัดเจน 

แนะนำให้ใช้กระจกกั้นอาบน้ำ (Shower Screen) หรือผนังก่อขึ้นครึ่งหนึ่งเพื่อแยกพื้นที่อาบน้ำออกจากส่วนอื่นๆ 

2. ออกแบบระดับพื้นให้มีความลาดชันเหมาะสม 

พื้นที่โซนอาบน้ำควรมีความลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อให้น้ำไหลเข้าสู่ท่อระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ไม่เกิดน้ำขัง 

3. เลือกใช้วัสดุปูพื้นกันลื่น 

วัสดุพื้นห้องน้ำควรมีค่าความฝืดเพียงพอ และมีพื้นผิวที่สามารถยึดเกาะได้ดี แม้จะเปียกน้ำ 

4. ติดตั้งระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ 

ควรมีท่อระบายน้ำในจุดที่เหมาะสม และวางตำแหน่งให้สามารถไล่น้ำได้ดีไม่เกิดน้ำขัง 

5. คำนึงถึงการดูแลรักษา 

การออกแบบห้องน้ำควรคำนึงถึงความง่ายในการทำความสะอาด เช่น ลดมุมอับ หรือจุดที่น้ำซึมสะสมได้ยาก 

สรุป : ห้องน้ำที่ดีเริ่มต้นที่การออกแบบ 

แม้ห้องน้ำจะเป็นพื้นที่เล็กๆ ภายในบ้าน แต่ก็มีผลอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย การออกแบบห้องน้ำที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้บ้านดูน่าอยู่และสะอาดขึ้นเท่านั้น แต่ยัง ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพและอุบัติเหตุ ได้อีกด้วย 

ติดตามพวกเราได้อีกช่องทางที่ เพจเฟซบุ๊ค : WENAT รับตรวจบ้าน ตรวจคอนโด รับตรวจสอบอาคาร

อยากรู้จักเรา : เกี่ยวกับเรา

โปรโมชั่นดีๆจาก Wenat

โปรโมชั่นลด 1,000.- บาท Wenat
โปรโมชั่นลด 800.- บาท Wenat
โปรโมชั่นลดตรวจฟรีรอบสอง Wenat

บทความที่เกี่ยวข้อง