การปูกระเบื้อง อาจดูเหมือนเป็นขั้นตอนเล็กๆ ในงานก่อสร้างหรือรีโนเวทบ้าน แต่ในความเป็นจริงกลับเป็นงานที่มีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย และส่งผลอย่างยิ่งต่อคุณภาพการใช้งานระยะยาวของพื้นหรือผนังภายในบ้าน หากปูผิดวิธี หรือใช้วิธีที่ไม่เหมาะสมกับหน้างาน นอกจากความสวยงามจะเสียแล้ว ยังส่งผลถึงความทนทาน และความปลอดภัยด้วย
ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับ 3 วิธีปูกระเบื้องที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน พร้อมทั้งวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละวิธีอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้เจ้าของบ้านหรือผู้สนใจสามารถเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับพื้นที่และงบประมาณได้ดีที่สุด

วิธีที่ 1 : ปูกระเบื้องแบบ “ซาลาเปา”
ลักษณะของวิธีนี้
วิธีปูแบบ “ซาลาเปา” เป็นการทำงานที่ช่างหลายคนคุ้นเคยและใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในงานก่อสร้างบ้านทั่วไป วิธีการคือ
- นำกระเบื้องไปแช่น้ำ ให้ตัวกระเบื้องอิ่มตัว
- นำขึ้นมาพักให้หมาด
- จากนั้น ปั้นปูนทรายผสมน้ำเป็นก้อนๆ ลักษณะคล้ายลูกซาลาเปา
- โปะปูนก้อนดังกล่าวลงหลังแผ่นกระเบื้อง แล้วจึงแปะเข้ากับพื้นหรือผนัง
- ใช้ค้อนยางเคาะเพื่อปรับระดับ
ข้อดีของวิธีซาลาเปา
- ทำงานรวดเร็ว : ช่างสามารถทำงานได้เร็วโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์พิเศษ
- ประหยัดปูน : ใช้ปูนเฉพาะจุด ไม่ต้องปูเต็มพื้นที่
- เหมาะกับงานเร่งด่วน หรือหน้างานที่ไม่ซีเรียสเรื่องคุณภาพในระยะยาวมากนัก
ข้อเสียที่ควรระวัง
- เกิดโพรงใต้กระเบื้อง : เนื่องจากไม่ได้ปาดปูนให้เต็มพื้นที่ ปูนจะเกาะแค่เฉพาะจุด ทำให้ใต้แผ่นเกิดช่องว่าง
- เสี่ยงต่อการหลุดร่อน : โดยเฉพาะบริเวณมุมของกระเบื้อง หากรับแรงกระแทกบ่อย เช่น บริเวณประตู ระเบียง หรือบันได
- ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีน้ำขัง เช่น ห้องน้ำ หรือพื้นที่กลางแจ้ง เพราะโพรงอาจเก็บความชื้น ส่งผลให้เชื้อราหรือคราบสกปรกสะสม
สรุป
แม้จะเป็นวิธีที่สะดวกและประหยัด แต่เหมาะกับหน้างานชั่วคราว หรืองานที่ไม่เน้นคุณภาพสูงมากนัก หากเป็นพื้นที่สำคัญ เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ หรือพื้นที่รับแขก แนะนำให้เลือกวิธีอื่นที่แข็งแรงกว่า
วิธีที่ 2 : ปูกระเบื้องแบบเปียก
ลักษณะของวิธีนี้
เป็นการปูกระเบื้องไปพร้อมกับการเทปูนทรายปรับระดับ โดยไม่ต้องรอให้ปูนแห้งก่อน วิธีนี้มักใช้ในงานใหม่ หรือบ้านที่ยังไม่มีการตกแต่งภายใน เพราะต้องทำไปพร้อมกับงานโครงสร้าง
ขั้นตอนคือ
- เทปูนทรายปรับระดับพื้น หรือผนัง
- วางกระเบื้องลงไปทันที
- เคาะให้แน่นและปรับระดับให้เรียบเสมอกัน
ข้อดีของวิธีเปียก
- รวดเร็ว ประหยัดเวลา : ไม่ต้องแยกขั้นตอนปรับระดับพื้นกับการปู สามารถทำได้ต่อเนื่อง
- ประหยัดงบ : ใช้วัสดุในหน้างาน ไม่ต้องซื้อปูนกาวเพิ่ม
- เป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้กันมานาน โดยเฉพาะในบ้านพักอาศัยทั่วไป
ข้อเสียของวิธีเปียก
- เสี่ยงต่อการหลุดร่อนในอนาคต : หากช่างไม่ได้เตรียมปูนทรายให้เหมาะสม หรือไม่ได้เคาะให้แน่นพอ
- เกิดการยุบตัวของพื้น : หากปูนทรายไม่ได้รับการบ่มหรือไม่มีความหนาแน่นเพียงพอ อาจทำให้พื้นกระเบื้องแอ่นตัวหรือระเบิดในภายหลัง
- ไม่เหมาะกับกระเบื้องแผ่นใหญ่ : กระเบื้องที่มีขนาดใหญ่ต้องการแรงยึดเกาะสม่ำเสมอทั้งแผ่น ซึ่งปูนเปียกอาจไม่ครอบคลุมทุกจุดได้ดีเท่าที่ควร
สรุป
เหมาะกับงานโครงสร้างใหม่ หรืองานที่ควบคุมคุณภาพได้ทุกขั้นตอน แต่ไม่แนะนำสำหรับงานรีโนเวทหรือพื้นที่ที่ต้องการความแม่นยำและทนทานในระยะยาว

วิธีที่ 3 : ปูกระเบื้องด้วยปูนกาว
ลักษณะของวิธีนี้
การปูกระเบื้องด้วยปูนกาวเป็นวิธีที่นิยมมากขึ้นในงานยุคใหม่ โดยเฉพาะในโครงการที่เน้นคุณภาพ หรือกระเบื้องที่มีราคาสูงและขนาดใหญ่
ขั้นตอนคือ
- ปรับระดับพื้นด้วยปูนทรายให้ได้ระดับที่ต้องการ
- ทิ้งให้ปูนทรายแห้งสนิท
- ปาดปูนกาวลงที่พื้น (และ/หรือหลังแผ่นกระเบื้อง)
- ใช้เกียงหวีปาดให้เป็นร่อง เพื่อให้ปูนกระจายตัวสม่ำเสมอ
- วางกระเบื้องและเคาะปรับระดับ
ข้อดีของการใช้ปูนกาว
- เกาะแน่น ไม่หลุดง่าย : ปูนกาวมีคุณสมบัติยึดเกาะสูง โดยเฉพาะหากปูตามมาตรฐานที่แนะนำ
- ลดปัญหาโพรงใต้แผ่น : การปาดให้เต็มพื้นที่ช่วยให้ปูนกระจายทั่วถึง ลดปัญหาแผ่นกระเบื้องแตกร้าวจากแรงกดเฉพาะจุด
- เหมาะกับกระเบื้องแผ่นใหญ่/แกรนิตโต้ : ซึ่งต้องการแรงยึดเกาะมาก
- พื้นแห้งเร็ว เดินเหยียบได้เร็ว : ปูนกาวแห้งเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง
ข้อเสียของการใช้ปูนกาว
- ต้องการช่างที่ชำนาญ : หากช่างไม่มีประสบการณ์ อาจไม่ปาดเต็มแผ่น หรือเลือกใช้ปูนกาวผิดประเภท ทำให้เกิดปัญหาในอนาคต
- ราคาสูงกว่าปูนทรายทั่วไป : โดยเฉพาะถ้าต้องใช้กับพื้นที่กว้าง
- ต้องปรับพื้นให้เรียบก่อน : ปูนกาวไม่สามารถทดแทนการปรับระดับพื้นได้ ถ้าพื้นไม่ได้ระดับ จะต้องเสียเวลาเตรียมพื้นก่อนเสมอ
สรุป
เป็นวิธีที่เหมาะกับงานคุณภาพ เช่น บ้านระดับพรีเมียม รีสอร์ท โรงแรม หรือพื้นที่ใช้งานหนัก โดยเฉพาะถ้าต้องการความเรียบร้อย และคงทนในระยะยาว
สรุป : แล้วควรเลือกวิธีไหน?
วิธีการปู | ความแข็งแรง | ความเร็วในการทำงาน | ความเสี่ยงหลุดร่อน | ค่าใช้จ่าย | ความเหมาะสม |
แบบซาลาเปา | ⭐⭐ | ⭐⭐⭐⭐ | สูง | ต่ำ | งานทั่วไป งบประหยัด |
แบบเปียก | ⭐⭐ | ⭐⭐⭐ | ปานกลาง | ต่ำ | งานใหม่ งบจำกัด |
ปูนกาว | ⭐⭐⭐⭐ | ⭐⭐ | ต่ำมาก | สูง | งานคุณภาพ พื้นที่สำคัญ |
ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากประสบการณ์ตรง
- ก่อนเริ่มปูกระเบื้อง ควรตรวจสอบระดับพื้นหรือผนังให้เรียบร้อย
- อย่าลืมแช่กระเบื้องก่อนปู หากใช้แบบปูนทรายหรือซาลาเปา เพื่อเพิ่มแรงยึดเกาะ
- ใช้ spacer คั่นร่องยาแนวทุกครั้ง เพื่อให้รอยต่อเท่ากันสม่ำเสมอ
- สำหรับกระเบื้องแผ่นใหญ่ อย่าลืมปาดปูนกาวทั้งบนพื้นและหลังกระเบื้อง (back buttering) เพื่อให้ยึดเกาะเต็มแผ่น
- ให้ความสำคัญกับการเลือกช่างที่มีความชำนาญจริง เพราะคุณภาพงานจะขึ้นอยู่กับฝีมือช่างถึง 70%
ติดตามพวกเราได้อีกช่องทางที่ เพจเฟซบุ๊ค : WENAT รับตรวจบ้าน ตรวจคอนโด รับตรวจสอบอาคาร
อยากรู้จักเรา : เกี่ยวกับเรา