ในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย การอยู่อาศัยภายในบ้านที่ร้อนอบอ้าวเป็นปัญหาที่หลายคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะบ้านที่ก่อสร้างด้วยวัสดุอย่าง คอนกรีตและเหล็ก ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับ และกักเก็บความร้อนเป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อรวมกับแสงแดดจัดตลอดทั้งวัน ความร้อนก็ยิ่งสะสมอยู่ภายในตัวบ้าน จนเกิดเป็นปัญหาเรื่องความไม่สบายในการอยู่อาศัย
หนึ่งในวิธีแก้ไขที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ การติดตั้งฉนวนกันความร้อน โดยเฉพาะในบริเวณใต้หลังคา ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับรังสีความร้อนจากแสงอาทิตย์โดยตรง บทความนี้จะพาคุณมาทำความรู้จักกับชนิดของฉนวนกันความร้อนแต่ละประเภท พร้อมข้อดี และข้อควรพิจารณาในการเลือกใช้ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการทำให้ “บ้านเย็น อยู่สบาย” ได้อย่างยั่งยืน
ประเภทของฉนวนกันความร้อน
ฉนวนกันความร้อนในท้องตลาดสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
1. ฉนวนกันความร้อนแบบแผ่น (Insulation Sheet)
ฉนวนแบบแผ่นเป็นวัสดุสำเร็จรูปที่สามารถติดตั้งได้ง่าย มักใช้ติดตั้งบริเวณใต้หลังคา ฝ้าเพดาน หรือผนังเบา โดยวัสดุฉนวนแบบแผ่นที่นิยมใช้มีดังนี้ :
1.1 อะลูมิเนียมฟอยล์ (Aluminium Foil)
แผ่นบางเคลือบฟอยล์ มีคุณสมบัติสะท้อนรังสีความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้ดี
1.2 พอลิเอทิลีนโฟม (PE Foam)
โฟมที่มีความยืดหยุ่นสูง มีคุณสมบัติกันความร้อน และลดเสียงได้ระดับหนึ่ง
1.3 แผ่น Air Bubble
วัสดุที่มีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มสองชั้น โดยมีฟองอากาศอยู่ภายใน เหมาะสำหรับใช้กับหลังคาเมทัลชีท
1.4 ใยแก้ว (Fiber Glass)
ฉนวนที่ผลิตจากแก้วหลอมเหลว มีคุณสมบัติในการกันความร้อน และเสียงได้ดี
ข้อดีของฉนวนแบบแผ่น
- ติดตั้งง่าย ไม่ซับซ้อน
- ราคาถูกเมื่อเทียบกับฉนวนแบบพ่น
- เหมาะสำหรับบ้านที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อน
ข้อควรพิจารณา
- หากแผ่นฉนวนฉีกขาด อาจเกิดความเสียหายจากความชื้น
- มีความเสี่ยงในการเป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์ เช่น หนู หรือแมลง
- อายุการใช้งานสั้นกว่าฉนวนแบบพ่น
2. ฉนวนกันความร้อนแบบพ่น (Spray-on Insulation)
ฉนวนแบบพ่นเหมาะสำหรับบ้านหรืออาคารที่ต้องการประสิทธิภาพในการกันความร้อนสูง และมีงบประมาณในการลงทุนมากขึ้น โดยวัสดุที่ใช้พ่นมีหลายชนิด ได้แก่:
2.1 สีสะท้อนความร้อน (Ceramic Coating)
เป็นสีที่มีส่วนผสมของเซรามิก ช่วยสะท้อนรังสีอินฟราเรดจากแสงอาทิตย์
2.2 โฟมโพลียูรีเทน (PU Foam)
วัสดุฉีดพ่นที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง ติดแน่นกับทุกพื้นผิว
2.3 เยื่อกระดาษเซลลูโลส (Cellulose)
ผลิตจากกระดาษรีไซเคิลที่ผ่านกระบวนการทำให้ไม่ติดไฟ มีคุณสมบัติกันความร้อนและดูดซับเสียง
ข้อดีของฉนวนแบบพ่น
- กันความร้อนได้ดีเยี่ยม
- สามารถพ่นให้มีความหนาตามต้องการ
- อายุการใช้งานนาน
- ไม่รบกวนการเดินสายไฟหรือดวงโคม
- บางชนิดสามารถกันเสียงได้ดี
ข้อควรพิจารณา
- ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง
- มีราคาสูงกว่าฉนวนแบบแผ่น
- ระหว่างพ่นอาจมีละอองลอยกระจาย ก่อให้เกิดคราบหรืออันตรายหากไม่ป้องกันอย่างดี
แล้วจะเลือกฉนวนแบบไหนดี?
คุณสมบัติ | ฉนวนแบบแผ่น | ฉนวนแบบพ่น |
ราคาต่อพื้นที่ | ประหยัด | ราคาสูง |
ความสะดวกในการติดตั้ง | ง่าย | ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ |
ความสามารถกันความร้อน | ปานกลาง – ดี | ดีมาก |
อายุการใช้งาน | ปานกลาง | นาน |
การบำรุงรักษา | เปลี่ยนซ่อมง่าย | ต้องใช้ช่างเฉพาะทาง |
ความสามารถกันเสียง | ต่ำ – ปานกลาง | ปานกลาง – สูง |
บทสรุป : บ้านเย็น อยู่สบาย เริ่มต้นจากฉนวนที่เหมาะสม
การเลือกฉนวนกันความร้อนสำหรับบ้านไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่ต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับ งบประมาณ โครงสร้างบ้าน และพฤติกรรมการอยู่อาศัย หากบ้านของคุณเน้นความประหยัดและติดตั้งง่าย ฉนวนแบบแผ่นอาจเพียงพอ แต่หากคุณต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในระยะยาว ฉนวนแบบพ่นคือคำตอบ
อย่าลืมว่า “หลังคา” คือจุดที่รับความร้อนโดยตรงจากแสงแดดทุกวัน การลงทุนติดตั้งฉนวนกันความร้อนแม้เพียงบริเวณเดียวก็สามารถ เพิ่มคุณภาพชีวิต และประหยัดพลังงานในระยะยาวได้อย่างแท้จริง
ติดตามพวกเราได้อีกช่องทางที่ เพจเฟซบุ๊ค : WENAT รับตรวจบ้าน ตรวจคอนโด รับตรวจสอบอาคาร
อยากรู้จักเรา : เกี่ยวกับเรา