ประสบการณ์จากวิศวกรตรวจรับบ้านตัวจริง เรื่องที่เจ้าของบ้านควรรู้ก่อนรับมอบบ้าน
การตรวจรับบ้านไม่ใช่แค่เรื่องของการเช็กความสวยงามของบ้านเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถมั่นใจได้ว่า บ้านที่กำลังจะเป็นที่อยู่อาศัยของเรานั้นได้มาตรฐาน และไม่มีข้อผิดพลาดซ่อนอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัว หลายคนอาจคิดว่าการตรวจบ้านแค่เดินดูคร่าว ๆ หรือเช็กสิ่งของให้ครบก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริง ปัญหาหลายอย่างที่พบเจอในงานตรวจบ้านนั้นแฝงตัวอยู่ในรายละเอียดเล็ก ๆ ซึ่งหากละเลย ก็อาจต้องเสียเวลา เสียเงิน และเสียความรู้สึกภายหลังได้
บทความนี้จึงได้รวบรวม 10 จุดที่พบเจอบ่อยในการตรวจบ้าน จากประสบการณ์ตรงของวิศวกรตรวจบ้านที่คลุกคลีอยู่กับงานนี้มากกว่า 10 ปี มาให้ทุกท่านได้ใช้เป็นแนวทางตรวจสอบก่อนรับบ้านอย่างมั่นใจ
1. พื้นห้องน้ำรั่วซึม
จุดที่พบบ่อยที่สุดคือพื้นห้องน้ำที่รั่วซึมลงไปยังฝ้าเพดานของห้องด้านล่าง หรือห้องชั้นล่างใต้ห้องน้ำ ปัญหานี้ส่วนใหญ่เกิดจากการทำระบบกันซึมที่ไม่สมบูรณ์ เช่น ใช้วัสดุกันซึมผิดประเภท ไม่ทาหลายรอบ ไม่รอให้แห้ง หรือไม่ทาวัสดุกันซึมในจุดที่เป็นมุมอับ บางครั้งพื้นอาจดูปกติในช่วงรับบ้าน แต่หลังใช้งานไม่กี่สัปดาห์ กลับเกิดปัญหาใหญ่ตามมา
2. กระเบื้องพื้น/ผนังหลุดร่อน
กระเบื้องที่ปูไม่เต็มพื้นที่ปูน หรือเกิดโพรงอากาศจากการปูแบบ “ซาลาเปา” มักมีปัญหาหลุดร่อน แตกหัก หรือ “กระเบื้องระเบิด” เมื่อน้ำซึมเข้าไปแล้วเกิดการขยายตัว พื้นที่ที่พบบ่อยคือห้องน้ำ ห้องครัว และพื้นส่วนใช้งานหนักอย่างทางเดินหลัก
3. สีทาผนังไม่เรียบ หรือด่าง
ปัญหานี้มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มักเกิดจากการทาสีรอบสุดท้ายที่เร่งงาน หรือทาไม่ครบจำนวนรอบตามที่กำหนด บางจุดทาสีทับผิวที่ยังชื้น หรือไม่ได้ทำความสะอาดฝุ่นละอองก่อนทา จึงทำให้สีไม่เกาะผนัง ส่งผลให้เกิดการลอกร่อนในระยะเวลาอันสั้น
4. วงกบประตู/หน้าต่างเอียง หรือติดตั้งไม่ได้ระดับ
ปัญหานี้ส่งผลต่อการเปิด-ปิดประตู และหน้าต่าง อาการเช่น บานติด ฝืด บานตก หรือไม่สามารถล็อกประตูได้สนิท ซึ่งเป็นปัญหาที่มักเกิดจากการติดตั้งที่ไม่แม่นยำ ไม่ได้มาตรฐานตั้งแต่แรก ไม่ได้เช็กระยะระดับแนว หรือไม่ได้เช็กบานประตูอย่างละเอียดหลังการติดตั้ง
5. ปลั๊กไฟ/สวิตช์ใช้งานไม่ได้ หรือวางตำแหน่งไม่ถูกต้อง
ถึงแม้ว่าดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่การวางตำแหน่งปลั๊กไม่ตรงจุดใช้งาน หรือมีจุดที่ไม่มีกระแสไฟเลย มักทำให้เจ้าของบ้านต้องเสียเงินเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขภายหลัง หรือเสี่ยงต่ออันตรายหากมีการใช้งานผิดพลาด ระบบเบรกเกอร์ที่ไม่ได้แยกโซนชัดเจนก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ควรตรวจสอบให้ดี
6. ระบบน้ำรั่ว หรือแรงดันไม่พอ
ท่อประปาที่ต่อหลวม รั่วซึม หรือปั๊มน้ำทำงานผิดปกติ (เช่น ติดขึ้นมาเองโดยไม่เปิดน้ำ) ล้วนเป็นสัญญาณของการติดตั้งที่ไม่รัดกุม นอกจากนี้ยังพบปัญหาเรื่องแรงดันน้ำไม่พอในบางจุด เช่น ฝักบัวน้ำไหลเบา หรือก๊อกที่ปลายทางเปิดแล้วน้ำไหลช้า
7. รอยร้าวบนผนังหรือเพดาน
แม้จะเป็นรอยร้าวเล็ก ๆ ก็ควรระวัง โดยเฉพาะรอยร้าวแนวดิ่ง หรือแนวเฉียงบนผนัง เพราะอาจเป็นสัญญาณของการทรุดตัว หรือแตกร้าวจากโครงสร้าง เช่น คาน/เสา ซึ่งไม่ใช่เพียงปัญหาความสวยงาม แต่หมายถึงความปลอดภัยในระยะยาวด้วย
8. การระบายน้ำฝนรอบบ้านไม่ดี
เมื่อฝนตก น้ำไม่สามารถระบายออกได้ หรือเกิดน้ำขังรอบบ้าน อาจทำให้เกิดปัญหาพื้นทรุด พื้นเปียก และเชื้อรา หรือรากต้นไม้ขึ้นรอบฐานบ้านได้ หากพื้นที่รอบบ้านไม่มีการเทลาดเอียงลงท่อระบายน้ำ หรือท่อมีขนาดเล็กเกินไป อาจต้องแก้ไขระบบระบายน้ำใหม่ทั้งหมด
9. งานฝ้าเพดานไม่เรียบ หรือมีรอยต่อเห็นชัด
ฝ้าเพดานที่เรียบเนียนถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่ควรได้จากบ้านใหม่ แต่ในหลายกรณีมักพบปัญหา เช่น รอยต่อแผ่นยิปซัมโป่งพอง ใช้สกรูยึดไม่แน่น หรือช่างไม่ได้ฉาบเรียบร้อยก่อนทาสี การตรวจช่วงกลางวันโดยใช้แสงธรรมชาติช่วยให้เห็นรอยต่อเหล่านี้ได้ชัดเจนขึ้น
10. งานบัว พื้น บานประตูไม่เข้ามุมกัน
หลายบ้านที่ตกแต่งบัวพื้น หรือวงกบ จะพบปัญหางานบัวไม่จบมุม หรือบานประตูติดขัดกับบัวพื้น และพื้นไม่เรียบเสมอกัน ปัญหาเล็ก ๆ เหล่านี้อาจไม่อันตรายแต่ทำให้ความรู้สึกโดยรวมของบ้านเสียไป และต้องเสียเงินแก้ไขงานตกแต่งเพิ่มเติม
สรุปส่งท้าย
การตรวจบ้านก่อนรับมอบ ไม่ใช่เรื่องเล็ก และไม่ควรรีบตัดสินใจโดยไม่ตรวจสอบจุดสำคัญเหล่านี้ให้ดี เพราะปัญหาเล็ก ๆ หากละเลย อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบทั้งความปลอดภัย และค่าใช้จ่ายในอนาคต หากท่านไม่มีความรู้เชิงเทคนิคหรือไม่มั่นใจในการตรวจเอง การปรึกษาหรือจ้างวิศวกร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจรับบ้านก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อให้ได้บ้านที่ดี และไร้กังวลในระยะยาว
ติดตามพวกเราได้อีกช่องทางที่ เพจเฟซบุ๊ค : WENAT รับตรวจบ้าน ตรวจคอนโด รับตรวจสอบอาคาร
อยากรู้จักเรา : เกี่ยวกับเรา
